วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

ต้องมีเงินเท่าไร ถึงจะไม่ต้องทำงานหลังเกษียณนะ

                คุณอายุเท่าไรแล้วครับ เพิ่งเริ่มทำงานหรือเปล่า หรือ ทำงานมาจนเบื่อแล้ว ...  ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ เพราะจริงๆ แล้ว ผมแค่อยากถามว่า ตอนที่เกษียณนั้น ยังอยากทำงานอยู่ไหม ผมว่าส่วนใหญ่ คงตอบว่าไม่อยากทำ หรือ อาจจะมีบางท่านที่สนุกกับงาน ได้ทำงานที่รัก อยากทำงานนั้นจนวันตาย เพราะเป็นงานที่รัก แต่คงไม่ได้อยากทำงานจนวันตายเพราะ ต้องหารายได้ประทังชีวิต




                งั้นคำถามต่อมา หากเราเกษียณอายุซัก 60 ปี อยากมีเงินใช้ประมาณ เดือนละ 25,000 บาท แล้วกะว่าตายซักตอนอายุ 85 ปี ละ เราจะต้องมีเงินเก็บซักเท่าไร จึงจะมีเงินพอใช้โดยไม่ต้องไปคาดหวังว่าลูกจะมาให้ตังค์ใช้ (ถ้ามีนะ) หรือ ไปหวังกับเบี้ยผู้สูงอายุจากรัฐบาล ที่จะเพิ่มให้เป็นเดือนละหลายหมื่นบาท (ตื่นๆ ... )

                คำตอบนะครับ คิดง่ายๆ ชุ่ยๆ ก็คือ ค่าใช้จ่ายต่อเดือน คูณ จำนวนเดือน คูณจำนวนปี = 25,000 x 12 x 25 = 7,500,000 บาท เอาแล้วไง เปลี่ยนใจเกษียณปุ๊บใช้เงินให้หมดแล้วตายปั้บเลยได้ไหม 555 ... คงไม่ได้นะครับ

                แถมถ้ามองว่าตัวเลขนี้เยอะแล้ว จริงๆ ไม่พอครับ เพราะที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อไทยอยู่แถวๆ 3% ต่อปี หากอยากมีเงินใช้เดือนละ 25,000 บาท เท่ากับในปัจจุบัน อาจต้องเตรียมเงินถึงประมาณ 11 ล้านบาทเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แล้ว หากใครเคยดูหนังเรื่อง In Time (https://www.youtube.com/watch?v=xqMqjANc8NA) อาจจะบอกว่าขอเป็นแบบในหนังเลยดีไหม คือ เวลาในชีวิตที่เหลือ ขึ้นกับจำนวนเงินที่เหลือ ถ้าเงินหมดเวลาก็หมด ก็ใช้เงินหาความสุขให้หมดแล้วตายซะเลย.. พูดเอามันก็คงดีละครับ แต่ในความเป็นจริง คนเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีคนที่รักเรา และเรารัก ที่จะต้องดูแลกัน การทำแบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องสนุก

                ผมว่าเรามาลองคิดวางแผนกันดีกว่า ว่าเราจะทำอย่างไร ให้มีเงินซัก 10 ล้าน เมื่อเกษียณอายุ ทางเลือกหนึ่ง ในหลายร้อย หลายพันทางเลือก คือ การออมเงิน และลงทุนครับ ด้วยพลังของอัตราผลตอบแทนทบต้นครับ เรามาดูกันว่า ถ้าเราออมเงินวันละ 50 บาท จะเป็นไปได้ไหม ตามตารางด้านล่างนี้ครับ


                ตามตารางนี้ สมมุติเริ่มออมเงินวันละ 50 บาท เมื่ออายุ 30 ปี และ ออมเพิ่มทุกปี ปีละ 5% เช่น ปีที่สอง ออมเป็น 52.5 บาท เป็นต้น (น่าจะไหวนะ น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี) จากตารางจะเห็นว่าหาก ลงทุนได้ผลตอบแทนปีละ 15% ตอนอายุ 60 ปี คุณจะมีเงินเก็บถึง 11 ล้านบาท ตามเป้าหมายทีเดียว โดยที่จริงๆ แล้วคุณออมเงินตัวเองเพียง 1 ล้านเท่านั้น แต่ได้ผลตอบแทนจากเงินดังกล่าวมาอีกตั้ง 10 ล้านบาท!

                จริงอยู่ครับ ผลตอบแทนปีละ 15% ณ.วันนี้ อาจจะไม่ได้หาได้ง่ายๆ (ในอดีตกาล สมัยหนึ่ง แค่ฝากประจำก็ได้แล้วนะ) ตารางข้างต้น ทำขึ้นมาเพราะอยากให้เห็นว่า ด้วยการออมเงินเพียงวันละ 50 บาท ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 10 เท่า และเพียงพอต่อการใช้ยามเกษียณ เมื่อมีระยะเวลามากเพียงพอ ซึ่งเราก็ต้องมาเริ่มทำ เริ่มเรียนรู้ หัดเดินการเงิน เพื่อที่เราจะเลือกกันว่า เราจะออมเพิ่มมากขึ้น มากกว่าวันละ 50 บาท หรือ เราจะหาความรู้เพื่อลงทุนให้ได้ 15% ต่อปี หรือ เราจะปล่อยเวลาเดินผ่านไปอย่างที่ผ่านมา โดยไม่เริ่มทำอะไร...


หัดเดินการเงิน

ขอบคุณภาพประกอบจาก https://pixabay.com

วันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2560

ทำงานเพื่อใคร?

                งัวเงีย ตื่นเช้า อาบน้ำ แต่งตัว ออกจากบ้าน เดินทางด้วยความเร่งรีบ เข้างาน ออกงาน สังสรรค์ กลับบ้าน นอน เป็นกิจวัตร ประจำวันของเราหลายๆ คน  ที่เรียนจบ ทำงานกันแล้ว แล้วเราเคยได้หยุดคิดกันไหม ว่าทำไม เราจึงต้องทำแบบนี้ ทำไปทำไม และ เพื่อใคร?
                บ้าป่าว... ไม่เห็นต้องคิด ที่ทำนี่ ก็ทำงาน เพื่อตัวเอง ดูแลหาเลี้ยงตัวเอง ให้มีกินมีใช้ ไม่เห็นต้องคิด ถามอะไรบ้าๆ ... เสร็จแล้วก็ก้มหน้า ก้มตา ทำงานต่อไป


                หยุดคิดนิดนะ ว่าเราทำงานเพื่อใคร.. เราทำงานแล้วได้รับเงินเดือน แน่นอน คนแรกที่เราทำงานให้ก็คือ บริษัท นั้นเอง เมื่อเราทำงานให้ เค้าจึงให้เงินเดือนเราตอบแทน ใช่ครับ เราทำงานเพื่อเค้าครับ แล้วเราได้ของตอบแทนมาเป็นเงินเดือน เป็นรายได้ของเรา แล้วหลังจากวันเงินเดือนออกละ เราทำอะไร

                กลางวัน เราเดินไปกินข้าว แวะซื้อชา ซื้อกาแฟ จากร้านป้าเจ้าประจำ ทุกวัน ใช่ครับ เรานำเงินที่เราแลกมา จากการใช้เวลาในชีวิตเรา มาให้ป้าครับ เราทำงานเพื่อให้ป้า มีรายได้ไปดูแลร้าน เลี้ยงดูป้าเอง

                ค่ำคืน (หรือเช้า..) เรากลับบ้าน ถ้าเช่า อพาร์ทเม้นท์ หรือ คอนโดอยู่ ทุกเดือนเรา ต้องจ่ายค่าเช่า หรือ หากเป็นห้องของเราที่ เรากู้ยืมสินเชื่อแบงค์มา ทุกเดือนเราก็ต้องผ่อนจ่ายเงินกู้แบงค์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ย ใช่ครับ เราทำงานเพื่อเจ้าของห้องพัก หรือ เพื่อธนาคาร
                เรากลับถึงห้องพัก เราเปิดมือถือ ดู YouTube เล่น Facebook ใช่ครับ เราทำงานเพื่อ Mark Zuckerberg (เฮ้ย ..) เราทำงานเพื่อบริษัทผู้ให้บริการมือถือ หรือ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ได้มีรายได้ (พี่ Mark ก็ได้ด้วยละ อ้อมๆ หน่อย)

                ทำไม ผมถึง พูดอย่างนั้นละ ก็เพราะ ถ้าคนที่ผมพูดถึงเหล่านี้ ไม่มีเรา รายได้ของเค้าก็หายไป หรือ ก็คือ ทุกวันนี้ ที่เราใช้เวลาในแต่ละวันของเรา ทำงานนั้น แล้วไปจ่ายเงินที่ได้จากการให้เวลาของเราไปทำงาน ก็คือเรา กำลังทำเพื่อสร้างรายได้ส่งต่อให้กับคนอื่นๆ ต่อด้วยนั้นเอง

                อ้าว ก็ทำงานแล้ว ก็ใช้จ่ายซิ เพื่อความสุข ความสบายของเรา ทำไมจะไม่ใช่ทำเพื่อเราละ ก็ถูกละครับ เพียงแต่เราทำงานให้คนที่ให้ความสุข ความสะดวกสบาย แก่เราเหล่านี้แล้ว เรา ได้ทำงานให้ตัวเราจริงๆ บ้างหรือเปล่าครับ  เงินที่เราได้มา เราได้นำมาเก็บออมไว้ เพื่อตัวเราในอนาคตบ้างไหมครับ คนต่างๆ ก่อนหน้านี้ หากไม่มีเรา เค้าก็เดือดร้อนนิดเดียว เพราะก็จะแค่ขาดรายได้จากเราไปคนเดียว แต่ตัวเราเอง หากวันหนึ่ง ไม่มีรายได้ แล้วเราจะเอารายได้จากไหนครับ

                ไม่มีใครเอาเงินมาให้เรา อย่างที่เรานำเงินเราไปให้คนอื่น หากเราไม่ได้จ่ายเงิน เก็บออมเงิน เพื่อตัวเราเองในอนาคต เริ่มกันนะครับ เริ่มเก็บออม เริ่มหาความรู้ทางการเงิน เริ่มวางแผนชีวิตตัวเอง หยุดเงยหน้า ขึ้นมาทำงาน ขึ้นมาศึกษา เรียนรู้ เพื่อตัวเราเองกันเถอะครับ


หัดเดินการเงิน     

ขอบคุณภาพประกอบจาก https://pixabay.com

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

เคยกินห่านที่ออกไข่ทองคำไหม? อร่อยนะ!

            เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยิน ได้ฟัง นิทานเรื่อง ห่านกับไข่ทองคำ ที่เป็นชาวบ้านยากจน ที่บังเอิญ มีห่านที่เลี้ยงไว้ 1 ตัว ออกไข่ มาเป็นทองคำทุกวัน เอาไข่ทองคำไปขายได้ แล้วตัดสินใจ ผ่าท้อง(ก็ฆ่านั้นละ) ห่านตัวนั้น ด้วยกะว่า ผ่าออกมาแล้วจะมีไข่ทองคำมากมายเก็บไว้ แต่สุดท้าย ก็ไม่มีไข่ใดๆ และห่านก็ตายไป หมดไข่ทองคำ ที่จะเอาไปขาย ซึ่ง เชื่อว่าผู้อ่านแต่ละท่าน ก็คงนึกละว่า ชาวบ้านคนนี้ คิดอะไรไม่เข้าท่าเลย ไม่น่าโลภมาก คิดได้อย่างไร ว่าจะมีไข่ทองคำในท้องห่าน และเชื่อว่า ทุกท่านก็คงคิดละว่า ถ้าเป็นตัวเอง ก็คงไม่โลภมาก ดูแลห่านตัวนี้อย่างดี แล้วคอยเก็บไข่ทองคำไปขายทุกวัน คิดกันประมาณนี้ไหมครับ แล้วเคยคิดจริงๆ ไหมว่า เนื้อห่านตัวนี้มันน่ากิน อร่อย เหมือน ห่านพะโล้ท่าดินแดง เป็ดย่าง MK หรือ ของหวานอย่าง Honey toast ขนมเค้ก ชาเขียว กาแฟ ไหมนะ

แล้วถ้าผมบอกว่า ทุกวันนี้เราต่างก็มี ห่านแบบนี้ละ แล้วเราก็ฆ่ามันกิน ทุกปี อย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย จะเชื่อไหมละครับ ซึ่งถ้าคุณได้อ่านบทความในเพจ นี้มาเรื่อยๆ ก็อาจจะพอนึกออกแล้วละว่า ผมจะวนกลับมาพูดเรื่องเดิมๆ ก็คือ เงินออม ของทุกท่านนั้นละครับ ที่จะเป็นห่านทองคำ ของทุกคน

แรกๆ ห่านของท่าน (เงินออม) อาจจะเป็นลูกห่านตัวเล็กๆ ออกลูกมาเป็นไข่ฟองเล็กๆ ที่เป็นไข่ธรรมดา ไม่ได้เป็นทองคำ กินก็ไม่อิ่ม ก็ประมาณเงินออมน้อยๆ ที่ฝากธนาคารไว้ แล้วได้ดอกเบี้ยปีละไม่กี่บาทนั้นละครับ แล้วเราทำอย่างไรกับ ลูกห่านตัวนี้ละครับ หาความรู้ในการดูแล หาอาหารที่จะป้อนให้มันกลายเป็นห่านที่ออกไข่มาเป็นทองคำ หรือ เลี้ยงมันให้โตมาเป็นห่านธรรมดา หรือ จับมันกินตั้งแต่ยังเป็นไข่กันครับ

ลูกห่าน ก็เปรียบได้เหมือน เงินออมเล็กๆ น้อยๆ ของเราละครับ ถ้าเรารู้จักค่อยๆ เลี้ยงเงินนี้ ให้มันเติบโต ห่านมันก็โตมา ออกไข่ให้เรากินได้ เพียงแต่มันก็ต้องใช้เวลาให้มันโต และมันก็ออกไข่ธรรมดา

แต่หากเราได้ศึกษา หาอาหาร ดั้งด้นค้นหาอาหารดีๆ มาให้ห่านกิน พร้อมเลี้ยงดูในสถานที่ ที่จะให้ห่านนั้นเติบโต ให้ได้ตามเป้าหมาย รอจะถึงวันหนึ่งที่มันผลิตออกไข่ทองคำมาให้ ก็เปรียบเหมือน กับที่เรา ทยอยสะสมและเพิ่มเติมความรู้ในการลงทุน และนำเงินนั้นไปลงทุนให้งอกเงย จนวันหนึ่ง ดอกผลจากเงินออมนั้น ก็จะเป็นไข่ทองคำ ที่จะเลี้ยงดูเราในแต่ละวันได้เช่นกัน

ว่าแต่หากว่าทุกวันนี้เรา ไม่เคยเก็บออม แต่เอาเงินออมนั้น ไปซื้อของกิน ซื้อเป็นย่าง ซื้อขนม ซื้อของที่อยากได้ตามใจเราทุกอย่าง ก็คงไม่ต่างจากชาวบ้านคนนั้น ที่ฆ่าห่าน หรือไม่ซิ จะแย่กว่าชาวบ้านคนนั้นอีกนะ เพราะ เราจะไม่เคยได้เลี้ยงห่านจนโต จนออกไข่ทองคำ แต่เรากินมันตั้งแต่ห่านตัวนั้นยังอยู่ในไข่เลยต่างหาก

 รู้จักหาความรู้ ในการลงทุน (หาวิธีว่าทำอย่างไร ให้ห่านกินอะไร จึงจะออกไข่เป็นทองคำ) พร้อมกับ ทยอยเก็บค่อยๆ ป้อนอาหารห่านของเราให้โตขึ้น ไข่ทองคำ จากเงินออม เงินลงทุนของเรา ก็จะได้ออกมาในซักวันหนึ่งครับ

หัดเดินการเงิน

ขอบคุณภาพประกอบจาก https://pixabay.com

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2560

คนส่วนใหญ่ หมดอนาคต เมื่อเรียนจบ มีงานทำ

                อ่านหัวข้อแล้ว งง กันไหมครับ ปกติจะต้องบอกกันว่า คนหนุ่มสาว เริ่มต้นชีวิต เมื่อเรียนจบ มีงานทำ แต่ผมจะบอกว่า ผมเห็นหลายๆ คน หมดอนาคต หมดเป้าหมายในชีวิต เมื่อเรียนจบ และมีงานทำ คืออย่างไร มาฟังคำอธิบายกันครับ



                คนเราเกิดมา พอเริ่มเรียนรู้หัดเดิน หัดพูดได้ซักพัก ก็จะเริ่มเข้าเรียนในการศึกษาระดับอนุบาล พอจะจบอนุบาล เด็กสมัยนี้บางคนก็จะต้องไปติว สอบเข้าสาธิต สอบเข้าเพื่อเรียนระดับชั้นประถม เด็กจะเริ่มรู้เรื่องแล้ว และเด็กก็จะได้เป้าหมายในชีวิตมาว่า ต่อไปนี้นะ จะต้องเรียนประถมอีก 6 ปี พอจบ ป.6 ก็เรียนมัธยมอีก 6 ปี แล้วเข้าเรียน มหาวิทยาลัย จบปริญญาตรี (หรือจะไปสายอาชีพก็ว่ากัน) แล้วไงต่อ ก็มีทางเลือก มีเป้าหมาย ที่ พ่อ แม่ หรือ สังคม บอกไว้ว่า จะเรียนต่อ หรือ ทำงาน ถ้า ทำงานก็ คือ การเลี้ยงดูตัวเอง หารายได้ดูแลตัวเอง ต่อไป

จบแล้วครับ ชีวิต คือ ตั้งแต่รู้ความ คนเราในยุคนี้ จะได้รับเป้าหมายกันมา โดยไม่ต้องคิดเป้าหมายให้กับตัวเองว่า ต้องเรียนหนังสือนะ เรียนไปตามระดับชั้นต่างๆ พอเรียนจบ ก็หางานทำ ได้งานทำ ก็เลี้ยงดูตัวเอง .... แล้ว เออ... ไงต่อครับ

                มึนไหม มีไหน คิดออกไหม ว่า เป้าหมายต่อจากนี้คืออะไร ใครคิดออก คิดได้ ดีมากครับ แต่หากคิดไม่ออก ไม่ต้องคิดมากครับ คุณน่าจะเป็นคนส่วนใหญ่ ในประเทศ (หรือในโลก) นี้เลยละ ที่เป็นกันอย่างนี้ เมื่อเราไปอ่านบทความของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เราจะเจอ จุดที่เหมือนกันจุดหนึ่งครับ คือ คนเหล่านั้น มีเป้าหมายต่อว่า ชีวิตนี้ จะทำอะไร จะเป็นอะไร หรือ โดนบังคับให้มีเป้าหมายอะไร เช่น บางคน ไม่มีจะกิน อดอยากมาก่อน ก็มีเป้าหมาย ที่จะมั่งคั่งมีบ้านหลังแรก จะร่ำรวยให้ได้ บางคน อยู่ในบ้านที่มีกิจการขนาดใหญ่ ก็มีเป้าหมายที่จะต้อง มาสานงานต่อ แต่อีกหลายๆ คน ชีวิตปานกลาง ไม่ได้ลำบากมากมาย ไม่ได้มีกิจการจะสืบทอดอะไร แล้วเป้าหมายเราคืออะไรกันครับ

                อาจจะมีหลายคนนึกเถียงในใจว่า ทำไมละ มีงานทำ มีชีวิตที่มีความสุข ก็เพียงพอแล้วนิ ไม่เห็นต้องมีเป้าหมายอะไรเลย อะ! จริงหรือเปล่าครับ นั้นละครับ เป้าหมายของคุณ เพียงแต่ คุณตีความเป้าหมายนั้นออกมาไหม และรู้หรือไม่ว่า อย่างไรถึงจะบรรลุ เป้าหมายของคุณได้ เช่น คำว่า ชีวิตที่มีความสุข ของคุณ คุณต้องมีรายได้เท่าไร ต้องดูแลพ่อแม่ ไหม ต้องดูแลเผื่อจะมีลูกไหม มีคู่แต่งงานไหม ถ้ามี แล้วคุณต้องทำอย่างไร ให้ชีวิตพร้อมกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายของคุณ คุณต้องมีรายได้เท่าไร มีรายได้จากทางไหน และท้ายที่สุด หากคุณบอกว่าคุณทำงานประจำแล้ว แล้วในวัยเกษียณอายุ คุณจะอยู่อย่างไร??

                ลืมคิดกันไปไหมครับ เชื่อว่าหลายคนเป็น เพราะความเคยชิน ที่เราทุกคนได้รับมาตั้งแต่เด็ก เรามีคนมาตั้งเป้าหมาย ให้เรามาตลอด ให้เราเรียน ไปตามลำดับ จนถึงทำงาน ซึ่งก็ถือว่าบรรลุ เป้าหมายกันแล้ว เย้! แล้ว.. จบไหม ?

                ไม่จบหนะซิครับ ชีวิตยังดำเนินผ่านไปไม่ถึงครึ่งชีวิตเลย ยังไม่ 30 ปีเลย แต่อนาคต จะเป็นอย่างไร มืดมนเหลือเกิน ใครได้อ่านบทความนี้ ลองทำนะครับ ทำทันทีเลย ตอนนี้ วันนี้ คืนนี้ อะไรคือเป้าหมายของเรา เอาให้ชัดนะครับ แล้วเมื่อได้เป้าหมายแล้ว เราต้องทำอย่างไร จึงจะคว้าเป้าหมายนั้นมาได้ ชีวิตคุณเริ่มต้นแล้วครับ และไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ ที่จะมีคนมาขีดเส้นทางไว้ แต่เป็นตัวคุณเอง ที่จะต้องสร้างสรรค์ นำพาชีวิตของคุณขึ้นมาเอง

                ส่วนบทความนี้ เกี่ยวกับ การเงิน การลงทุนอย่างไร ผมเขียนเพราะ หลังจากผมพยายาม ชักชวน สอนน้องๆ ที่ทำงานด้วยกัน หลายๆ คนให้มาสนใจ การเก็บออม และการลงทุน ผมพบว่า คนเหล่านั้น ขาดความสนใจครับ โอกาสอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ปล่อยไป เหมือนกับการทำงานในแต่ละวัน (และเหมือนกับผมที่ผ่านมาหลายปี) ที่ทำไปเรื่อยๆ เพราะ ขาดเป้าหมายนี้ละครับ คิดแค่ บอกแค่ มีงานทำงานวันนี้ ชีวิตมีความสุขแล้ว พอแล้ว.. อา.. อนาคต 

หัดเดินการเงิน

ขอบคุณภาพประกอบจาก https://pixabay.com/